Australia
การจัดการการศึกษาเป็นหน้าที่ของรัฐบาลในแต่ละรัฐและเขตการปกครองตนเอง ดังนั้นระบบการศึกษาของออสเตรเลีย จึงไม่ได้มีมาตรฐานเป็นกฎเกณฑ์เดียวกัน แต่โดยทั่วไประบบการศึกษาของออสเตรเลียแบ่งออกเป็น 4 ระดับ คือ อนุบาลศึกษา ประถมศึกษา มัธยมศึกษาและอุดมศึกษา ซึ่งประกอบด้วยวิทยาลัยเทคนิคและการศึกษาต่อเนื่อง (TAFE) และมหาวิทยาลัย
การศึกษาภาคบังคับของออสเตรเลียเริ่มตั้งแต่ประถมศึกษาปีที่ 1 ถึงปีที่ 10 (Year 1-10) หรือ ระหว่างอายุ 6-15 ปี เมื่อนักเรียนจบการศึกษาภาคบังคับแล้ว ก็สามารถเข้าสู่ตลาดแรงงาน ฝึกงานในโรงงานอุตสาหกรรม หรือกิจการในภาคธุรกิจเอกชนต่างๆ ได้ หรืออาจศึกษาต่อหลักสูตรระยะสั้น ในวิทยาลัย TAFE หลังจากจบการศึกษาภาคบังคับแล้ว นักเรียน ส่วนใหญ่เลือกเรียนต่อในระดับมัธยมศึกษาตอนปลายอีก 2 ปี เพื่อเตรียมตัวเข้ามหาวิทยาลัย และวิทยาลัยเทคนิคในระดับอุดมศึกษา สำหรับนักศึกษาต่างชาติสามารถสมัครเข้าเรียนได้ตั้ง แต่ระดับประถมศึกษา จนถึงระดับปริญญาเอก ทั้งในสถาบัน การศึกษาของรัฐและเอกชน
การศึกษาระดับมัธยม (Secondary Education)
การจัดการศึกษาระดับประถมและมัธยมในประเทศ ออสเตรเลียอยู่ในความดูแลรับผิดชอบของแต่ละรัฐ โดยทั่วไปจะเริ่มรับนักเรียนต่างชาติเข้าเรียนต่อ ทั้งโรงเรียนของรัฐและเอกชน ตั้งแต่ชั้นปีที่ 7 (Year 7-ม.1) จนถึงปริญญาเอก สำหรับในระดับประถม ทางสถาบันการศึกษาจะพิจารณารับนักเรียนเป็นรายบุคคลไป นักเรียนต่างชาติที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี รัฐบาลออสเตรเลียกำหนดให้มีผู้ปกครองดูแล(Guardian) ซึ่งอาจจะเป็นญาติพี่น้องที่อยู่ที่นั่น ถ้าไม่มีญาติพี่น้อง ทางโรงเรียนที่นักเรียนสมัครจะจัดหาผู้ปกครอง (Guardian) ให้โดยเสียค่าใช้จ่ายอาทิตย์ละประมาณ 25 เหรียญออสเตรเลียต่อสัปดาห์ ถ้าเรียนในโรงเรียนประจำก็จะมีอาจารย์ในโรงเรียนเป็นผู้ดูแลแทน
ระดับมัธยมศึกษาแบ่งออกเป็นมัธยมศึกษาตอนต้น (Year 7-10 หรือเทียบเท่า ม.1 - ม.4 ของไทย) และมัธยมศึกษาตอนปลาย (Year 11-12 หรือเทียบเท่า ม.5 - ม.6 ของไทย) ในการจัดหลักสูตร หน่วยการศึกษาของแต่ละรัฐ จะมีการจัดหลักสูตรและการประเมินผลเป็นของตนเอง โรงเรียนมีอิสระในการจัดหลักสูตรหรือเพิ่มเติมวิชาเรียน ทั้งนี้ต้องอยู่ในความเห็นชอบจากรัฐบาล มาตรฐานของหลักสูตรจะอยู่ในระดับที่ดี ทัดเทียมกันในทุกรัฐ โดยจัดให้มีการสอบมาตรฐานสำหรับประกาศนียบัตรมัธยมศึกษาตอนปลาย โรงเรียนเป็นโรงเรียนแบบ Day School คือ ไปเช้าเย็นกลับ ในขณะที่โรงเรียนเอกชนจะมีแบบโรงเรียนประจำ (Boarding School) และไปกลับ นอกจากนี้ ยังแบ่งเป็นโรงเรียนหญิงล้วน หรือชายล้วนและโรงเรียน สหศึกษาคือ มีทั้งนักเรียนหญิงชายเรียนร่วมกัน
วิชาที่เปิดสอน
วิชาในระดับมัธยมปลายประกอบด้วยวิชาต่างๆ อาทิ คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ วรรณคดีอังกฤษ เศรษฐศาสตร์ ประวัติศาสตร์ สังคมศึกษา กฎหมาย คอมพิวเตอร์ การสื่อสาร เป็นต้น โดยทั่วไปนักเรียนจะเลือกเรียนวิชาหลัก สี่หรือห้าวิชา ซึ่งเป็นวิชาที่สัมพันธ์กับสาขาวิชาในระดับอุดมศึกษา คะแนนที่ได้ในระดับ Year 11, Year 12 นี้มีความสำคัญมาก ในการเลือกอันดับมหาวิทยาลัย และสาขาที่นักเรียนจะเรียน เนื่องจากมหาวิทยาลัยไม่มีระบบการสอบเข้าที่เรียกว่า Entrance Examination การรับนักเรียนเข้าเรียนในระดับมหาวิทยาลัย จึงกำหนดจากคะแนนเฉลี่ยระหว่างการสอบปลายภาค ที่จัดขึ้นโดยคณะกรรมการศึกษากลางของรัฐ และคะแนนประเมินผลจากโรงเรียน
โรงเรียนนานาชาติ (International School)
เป็นโรงเรียนที่จัดการศึกษาให้กับนักเรียนจากนานาชาติ โดยเฉพาะนักเรียนที่มีภูมิหลังมาจากประเทศที่ไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาแม่ ส่วนมากจะเป็นโรงเรียนระดับมัธยมปลาย เน้นการปรับตัวและแก้ไขข้อบกพร่องทางภาษา ปีการศึกษาจะเริ่มตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ถึงต้นธันวาคม โดยทั่วไปเวลาของการเปิดเรียนของรัฐต่างๆ จะแตกต่างกัน บางรัฐจะแบ่งภาคการศึกษาเป็น3 ภาคและบางรัฐจะแบ่งเป็น 4 ภาค โดยทั่วไปหากนักเรียนไทยมีคะแนนภาษาอังกฤษดี มีผลสอบ IELTS (5.5) หรือ TOEFL (500) และผลการเรียนดีก็สามารถต่อชั้นได้เลย เช่น จบ ม.3 ของไทย สามารถไปต่อ Year 10 (ม.4) ได้เลย หากผลการเรียนไม่ดีทางสถาบันอาจจะให้เรียนซ้ำ ชั้นประมาณครึ่งปีหรือหนึ่งปี ถ้าไม่มีผลสอบภาษาอังกฤษหรือคะแนนภาษาอังกฤษไม่ดีพอ อาจจะต้องไปเรียนภาษาอังกฤษที่เรียกว่า English for Secondary Studies ระยะหนึ่งก่อนเข้าเรียนระดับมัธยมศึกษา ค่าใช้จ่ายสำหรับนักเรียนต่างชาติไปเรียนระดับมัธยมศึกษา ค่าเล่าเรียนประมาณ8,000-12,000 เหรียญออสเตรเลีย ค่ากินอยู่ประมาณเดือนละ 1,000 เหรียญออสเตรเลีย สำหรับโรงเรียนประจำรวมค่าเล่าเรียน ค่ากินอยู่ ประมาณปีละ 15,000 - 22,000 เหรียญออสเตรเลีย
หลักสูตรเตรียมเข้ามหาวิทยาลัย (Foundation Studies)
เป็นหลักสูตรเตรียมความพร้อมในการเรียนต่อระดับ อุดมศึกษาในออสเตรเลียให้กับนักเรียนต่างชาติใช้เวลาในการเรียน 1 ปี เนื้อหาของหลักสูตรมาจาก Year 11-12 บวก วิชาพื้นฐานในสาขาที่นักศึกษาจะศึกษาในระดับปริญญาตรี เช่น คณิตศาสตร์ ภาษาอังกฤษ ฟิสิกส์ เคมี ชีวะ คอมพิวเตอร์ ธุรกิจ บัญชี สังคมและประวัติศาสตร์ เป็นต้น หลักสูตร Foundation แบ่งออกเป็น สายวิทย์ สายศิลป์ และธุรกิจ ก่อนเข้าเรียนนักศึกษาจากประเทศไทยจะต้องจบชั้นปีที่ 11 หรือ ม.6 หรือ ปวช. มีผลIELTS ประมาณ 5.0 หรือ TOEFL ประมาณ 500 ขึ้นไป GPA ไม่ควรต่ำกว่า 2.5 ถ้าสอบผ่านทุกวิชาของหลักสูตร Foundation ตามที่มหาวิทยาลัยกำหนดก็สามารถจะเรียนต่อในระดับปริญญาตรีได้เลย สำหรับ นักศึกษาที่จบปีที่ 1 ในระดับปริญญาตรีในประเทศไทยแล้ว สามารถสมัครเรียนระดับปริญญาตรีได้โดยไม่ต้องเรียนหลักสูตร Foundation หลักสูตรนี้เปิดสอนทั้งในมหาวิทยาลัย วิทยาลัย เทคนิค (TAFE) และในโรงเรียนมัธยมศึกษา ค่าใช้จ่ายสำหรับ นักเรียนทุนส่วนตัวค่าเล่าเรียนประมาณปีละ 9,000 - 12,000 เหรียญออสเตรเลีย
วิทยาลัยเทคนิคและการศึกษาต่อเนื่อง (College of Technical and Further Education)
วิทยาลัยเทคนิคและการศึกษาต่อเนื่องที่เรียกสั้นๆ ว่า เทฟ (TAFE) รับนักศึกษาจบ Year 10 หรือมัธยมศึกษาปีที่ 4 เป็นวิทยาลัยเทคนิคและอาชีวศึกษาของรัฐบาล ที่กระจายอยู่ทั่วภูมิภาคของประเทศ เป็นหน่วยงานการศึกษาการอบรมด้านวิชาชีพ วิทยาลัย TAFE ให้การศึกษาที่ครอบคลุมทักษะสำคัญๆ ทั้งหมดในวิชาชีพด้านอุตสาหกรรม พาณิชยกรรม และศิลปะ หลักสูตรของ TAFE มีทั้งระดับช่างฝึกหัด ช่างฝีมือชั้นสูง และช่างเทคนิค ตลอดจนหลักสูตรพาณิชยกรรม เกษตรกรรม วิทยาศาสตร์ และหลักสูตรทั่วไป แบ่งการสอนเป็น3 ระดับคือ
1. ประกาศนียบัตรวิชาชีพระดับ 1 ถึง 4 (Certificate I-IV) ระยะเวลาเรียน 6 เดือน -1ปี เป็นหลักสูตรวิชาชีพพื้นฐาน เน้นความรู้ระดับปฏิบัติงาน
2. อนุปริญญา (Diploma) ระยะเวลาเรียน 2 ปี เป็นหลัก สูตรระดับปฏิบัติงาน และวางแผน
3. อนุปริญญาชั้นสูง (Advanced Diploma) ระยะเวลาเรียน 2-3 ปี สามารถโอนหน่วยกิต ไปต่อระดับปริญญาตรี เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความก้าวหน้า สูงกว่าตำแหน่งหัวหน้างาน นอกจากนี้ วิทยาลัย TAFE ยังมีหลักสูตรพิเศษที่จัดขึ้นตามความต้องการของหน่วยงานนอกสถาบัน รวมทั้งให้บริการการศึกษาผู้ใหญ่ในหลักสูตร Matriculation ซึ่งเป็นหลักสูตรสามัญเร่งรัด 1 ปี สำหรับผู้ที่มีอายุเกิน 18 ปีขึ้นไป ที่ยังเรียนไม่จบมัธยมปลายและต้องการสอบเพื่อให้ได้วุฒิดังกล่าวเพื่อ เรียนต่อในระดับอุดมศึกษา
วิทยาลัยเอกชน (Private Colleges)
วิทยาลัยเอกชนเปิดสอนทั่วประเทศออสเตรเลีย จะตั้งอยู่ในเมืองใหญ่ๆ เช่น
Sydney
,
Melbourne
,
Perth
,
Brisbane
,
Adelaide
,
Canberra
เป็นต้น วิทยาลัยเอกชนทุกแห่งจะต้องได้รับการรับรองวิทยฐานะจากรัฐบาล นอกจากนี้ หากหลักสูตรใดของวิทยาลัย ได้รับการรับรองจากสมาคมวิชาชีพที่เกี่ยวข้อง ก็จะทำให้เป็นที่เชื่อถือมากยิ่งขึ้น หลักสูตรที่เปิดสอนในวิทยาลัยเอกชน มักเป็นหลักสูตรวิชาชีพทางธุรกิจ จะเปิดสอนตั้งแต่ระยะเวลา 6 เดือน ถึง 2 ปี วุฒิที่ได้ เช่น ประกาศนียบัตร I-IV อนุปริญญา (Diploma)
หลักสูตรในวิทยาลัยเอกชน เป็นหลักสูตรที่เหมาะสมกับ ผู้ที่ต้องการเรียนภาษาอังกฤษ และวิชาชีพเพิ่มเติม หลังจากจบปริญญาตรีมาแล้ว เนื่องจากระยะเวลาเรียนสั้น เน้นการปฏิบัติ นักศึกษามีผล TOEFL ประมาณ 500 หรือIELTS ประมาณ 5.0-5.5 สามารถสมัครเรียนได้เลย ถ้าไม่มีผลภาษาอังกฤษ ก็อาจจะไปเรียนภาษาอังกฤษก่อนกับ วิทยาลัยเอกชนที่เปิดสอนทั้งหลักสูตรภาษาอังกฤษและหลักสูตรวิชาชีพ ในบางวิทยาลัยนักศึกษาอาจจะไม่ต้องสอบ IELTS เนื่องจากวิทยาลัยเอกชนจะวัดผลจากการเรียนภาษาอังกฤษของสถาบันเอง ถ้าผ่านถึงเกณฑ์ที่ทางสถาบันกำหนดก็สามารถเรียนต่อในหลักสูตรที่นักศึกษาสนใจได้ ค่าเล่าเรียน ประมาณปีละ 8,000-10,000 เหรียญออสเตรเลีย
การเปิดเรียนของวิทยาลัยเอกชน ส่วนใหญ่จะเปิดรับนักศึกษาใหม่ทุกเดือน การศึกษาพิเศษและวิทยาลัยเอกชน (Special Studies) สถาบันการศึกษาหลายแห่ง โดยเฉพาะวิทยาลัยเทคนิค TAFE และวิทยาลัยเอกชนยังเปิดสอนหลักสูตรที่เรียกว่า การศึกษาพิเศษ (Special Studies) ซึ่งเป็นหลักสูตรให้ความรู้ด้านวิชาชีพระยะสั้นๆ เช่น การท่องเที่ยว การโรงแรม อาหาร เสริมสวย การบิน ฯลฯ นอกจากนี้ ยังมีหลักสูตรอบรมความรู้พิเศษด้านต่างๆ ทั้งบันเทิงและกีฬา เช่น ว่ายน้ำ ประดาน้ำ กอล์ฟ เทนนิส เป็นต้น
มหาวิทยาลัย (University)
ปัจจุบันออสเตรเลียมีมหาวิทยาลัย สถาบันเทคโนโลยี และวิทยาลัย ซึ่งได้รับการยกระดับวิทยฐานะเป็นมหาวิทยาลัย รวมทั้งหมด 39 แห่งทั่วประเทศ คุณภาพได้มาตรฐานเทียบเท่า มหาวิทยาลัยชั้นดีของประเทศอังกฤษ แคนาดา และอเมริกา มหาวิทยาลัยเป็นของรัฐบาลทั้งหมด ยกเว้น Bond University และ The University of Notre Dame ดังได้กล่าวแล้วข้างต้นว่า ออสเตรเลียไม่มีระบบเอ็นทรานซ์เพื่อเข้ามหาวิทยาลัย การรับนักศึกษาในระดับปริญญาตรี พิจารณาจากผลการเรียนในระดับมัธยมศึกษา ในกรณีที่เป็นนักเรียนต่างชาติก็พิจารณาจากผลการเรียนในระดับมัธยมปลาย มหาวิทยาลัยอาจกำหนดคุณสมบัติในการเข้าเรียนระดับ ปริญญาตรีของนักเรียนจากประเทศต่างๆ แตกต่างกันไป เช่น ในกรณีประเทศไทยบางสถาบันอาจพิจารณารับผู้ที่จบปี 1 ใน ระดับมหาวิทยาลัยแล้วเท่านั้น
นอกจากนี้ สถานศึกษาทั่วไปของออสเตรเลียยังไม่ยอมรับผลการสอบเทียบในประเทศไทยเว้นแต่จะได้เกรด2.5 ขึ้นไป หลายสถาบันเปิดหลักสูตรการเตรียมเข้ามหาวิทยาลัยสำหรับผู้ที่ประสงค์จะเข้าสถาบันนั้นๆ แต่มีคุณสมบัติไม่เพียงพอ หลักสูตรนี้เป็นหลักสูตรสำหรับนักศึกษาต่างชาติโดยเฉพาะ ใช้เวลาศึกษา 1 ปี หากนักศึกษา สามารถสอบผ่านปีพื้นฐานได้ ก็จะได้รับการตอบรับเข้าศึกษาต่อในระดับปริญญาตรีตามสาขาที่เลือกไว้
ประกาศนียบัตรบัณฑิต (Graducate Certificate)
เป็นหลักสูตรระยะสั้น 6 เดือน เพื่อเสริมความรู้เฉพาะด้านมีหลายสาขาให้เลือก เช่น ผู้ที่จบปริญญาตรี สาขาบริหารธุรกิจ อาจเรียนหลักสูตรเทคโนโลยีสารสนเทศ (Information System) เพิ่มเติม หรือนักเรียนต่างชาติที่สมัครเรียนระดับปริญญาโท แต่ทางสถาบันไม่แน่ใจในความพร้อมของนักเรียน อาจให้ นักเรียนลงทะเบียนหลักสูตรGraduate Certificate เพื่อประเมินผลการเรียนก่อน จนกว่าผลการเรียนเป็นที่พอใจก็จะอนุญาตให้ศึกษาต่อในระดับปริญญาโทได้
อนุปริญญาโท (Graduate Diploma)
เป็นหลักสูตรบัณฑิตศึกษาระยะเวลาศึกษา 1 ปี สำหรับผู้ที่จบปริญญาตรีที่มีประสบการณ์ในการทำงานแล้ว และต้องการศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมเฉพาะด้าน เป็นหลักสูตร ฟังคำบรรยาย (Coursework) อาจมีการทำ Project หรือ มีภาคปฏิบัติในบางสาขาวิชา ในหลายสาขาวิชา เช่น MBA ได้จัดให้ Graduate Diploma เป็นหลักสูตรปีแรกของโปรแกรม ซึ่งถ้านักศึกษา สามารถทำคะแนนได้ดีในปีแรกก็สามารถผ่านไปเรียนปีที่สอง ในระดับปริญญาโทได้
ปริญญาโท (Master's Degree)
ใช้ระยะเวลาศึกษา 1-2 ปี ขึ้นอยู่กับสาขาวิชาและลักษณะการเรียน ระบบการเรียนมี 3 ลักษณะ คือ
1. Coursework เป็นการเรียนแบบเข้าฟังคำบรรยาย
2. Thesis เป็นการเรียนแบบเขียนวิทยานิพนธ์
3. Coursework and Thesis เป็นการเรียนผสมผสาน
ระหว่างการเข้าฟังคำบรรยายและการเขียนวิทยานิพนธ์ บางสถาบันอนุญาตให้นักศึกษาเลือกอัตราส่วนระหว่างการเรียน สองแบบ เช่น นักศึกษาอาจจะเลือก Coursework 50% และ Thesis อีก 50% หรือ อัตราส่วนระหว่างCoursework และ Thesis เป็น 70%-30% บางสาขา โดยเฉพาะ MBA รับผู้ที่เรียนจบปริญญาตรีสาขาใดก็ได้ แต่จะต้องมีประสบการณ์การ ทำงานอย่างน้อย 1-2 ปี ในกรณีที่จบปริญญาตรีมาสาขาหนึ่ง และต้องการเรียนต่อปริญญาโทอีกสาขาหนึ่ง ทางมหาวิทยาลัยอาจให้ทดลองเรียน 1 ปีก่อน ซึ่งเรียกว่า Master Qualifying ต้องมีผลสอบเป็นที่น่าพอใจจึงจะสามารถเรียนต่อไปในระดับ ปริญญาโทได้
ปริญญาเอก (Doctoral Degree)
ระยะเวลาศึกษาประมาณ 3-5 ปี เป็นหลักสูตรวิจัยค้นคว้า คือเขียนวิทยานิพนธ์เพียงอย่างเดียว ขณะนี้บางมหาวิทยาลัยพิจารณาเพิ่มหลักสูตร Coursework เข้าเป็นส่วนหนึ่งของการเรียนระดับปริญญาเอกนี้ด้วย แต่ยังเป็นส่วนน้อย ผู้ที่จะเรียนระดับปริญญาเอกจึงควรมีพื้นฐานการทำวิจัยในระดับปริญญาโทมาก่อน
ระบบการเรียนการสอนในมหาวิทยาลัย
ปรัชญาการเรียนการสอนของออสเตรเลีย มุ่งเน้นให้ ผู้เรียนรู้จักคิด รู้จักตั้งคำถาม และรู้จักค้นคว้า ค้นหาคำตอบได้ด้วยตนเอง ซึ่งแตกต่างจากระบบการเรียนการสอนของไทย ที่เรียนรู้โดยการท่องจำ นักศึกษาไทยที่ประสงค์จะไปศึกษาต่อระดับมหาวิทยาลัย จึงควรทำความเข้าใจและปรับตัวให้เข้ากับระบบการเรียนการสอน และวิธีการประเมินผล
การบรรยาย (Lectures)
ก่อนเริ่มเรียนแต่ละวิชา อาจารย์ผู้บรรยายจะแจกโครงร่าง ซึ่งระบุเนื้อหาสาระของวิชาที่จะสอน และรายชื่อหนังสือประกอบ การค้นคว้า เรียกว่า Subject Outlines เพื่อนักศึกษาจะได้เตรียมตัวล่วงหน้า โดยทั่วไปอาจารย์ผู้บรรยายจะอภิปรายเนื้อหา หัวข้อที่สอนจากตำราหลายเล่ม และจากแนวคิดหลายแนว นักศึกษาจำเป็นต้องค้นคว้าอ่านหนังสือเล่มอื่นที่อาจารย์แนะนำด้วย ชั้นเรียนขนาดใหญ่บางชั้นมีนักศึกษาเป็นร้อย ชั้นเรียนขนาดเล็กบางชั้นมีแค่ 5-10 คน ขึ้นอยู่กับสาขาวิชาที่เปิดสอนว่า เป็นวิชาพื้นฐานภาคบังคับหรือวิชาเลือก
การเรียนกลุ่มย่อยและการทดลอง (Tutorials and Laboratory Sessions)
บางวิชาอาจกำหนดให้มีการเรียนกลุ่มย่อยสัปดาห์ละครั้ง นอกเหนือจากชั้นบรรยาย กลุ่มย่อยจะประกอบด้วยนักศึกษา 5-10 คน โดยมีอาจารย์ช่วยสอน(Tutor) เป็นผู้นำกลุ่ม 1 คน นักศึกษามีโอกาสซักถามข้อข้องใจ และทำความเข้าใจกับเนื้อหา วิชาในรายละเอียดให้มากขึ้น มีโอกาสแสดงความคิดเห็นของ ตนเองและฟังความคิดเห็นของคนอื่น เพื่อก่อให้เกิดความเข้าใจและแตกฉานในวิชานั้นๆ มากขึ้น สำหรับสาขาวิชาวิทยาศาสตร์ นักศึกษาทุกคนจะต้องมีชั่วโมงฝึกในห้องปฏิบัติการวิทยาศาสตร์ ซึ่งเป็นชั่วโมงบังคับเรียกสั้นๆ ว่า Prac" (Practicals) นักศึกษาจะขาดไม่ได้ ในห้องปฏิบัติการจะมีเจ้าหน้าที่ (Laboratory Technicians) ให้ความช่วยเหลือ แนะนำการใช้อุปกรณ์ต่างๆและมีอาจารย์เป็นผู้แสดงให้ดู (Demonstrators) และเป็นผู้ควบคุม การทดลอง
ห้องสมุด (Libraries)
เป็นหัวใจของการเรียนระดับมหาวิทยาลัย เพราะเป็นแหล่งข้อมูลและความรู้ที่สำคัญที่สุดที่นักศึกษาต้องใช้ค้นคว้า การรู้วิธีการใช้ห้องสมุดอย่างมีประสิทธิภาพเป็นสิ่งจำเป็นมาก โดยทั่วไปนักศึกษาควรต้องค้นคว้าในห้องสมุดอย่างน้อย สัปดาห์ ละ 24 ชั่วโมง หรือวันละ 3-4 ชั่วโมง นักศึกษาควรถือคติว่า ถ้าว่างจากการเรียนเมื่อใดต้องไปห้องสมุด
การประเมินผล
โดยทั่วไป การประเมินผลการเรียนมีหลายรูปแบบดังต่อไปนี้
การสอบ (Examination)
การสอบมีหลายแบบอาจมีการสอบย่อย เรียกว่า Quiz ซึ่งอาจสอบเมื่อใดก็ได้ หรือสอบใหญ่กลางภาค และปลายภาค หรืออาจมีการสอบที่อนุญาตให้นักศึกษาสามารถนำตำราเข้าห้องสอบได้เรียกว่า Open Book Exam หรือ บางทีอาจารย์ให้ข้อสอบกลับไปทำที่บ้านเรียกว่า Take Home Exam
การบ้าน (Homework or Assignments)
การทำ Homework หรือ Assignment ส่ง นักศึกษาจะได้คะแนนสะสมที่เรียกว่าคะแนนเก็บ เพื่อไปรวมกับคะแนน ผลสอบปลายเทอม
รายงาน (Essays)
การเขียนรายงานเป็นการฝึกทักษะการใช้ปัญญา ฝึกให้นักศึกษารู้จักแยกแยะประเด็นวิเคราะห์ปัญหาอย่างมีหลักการและเหตุผล รายงานจึงเป็นผลผลิตทางความคิด ที่ใช้ประเมินความสามารถทางวิชาการของนักศึกษาที่นิยมใช้กันมาก
การเข้ากิจกรรมกลุ่ม และการทดลอง (Tutorial Participation and Experiments)
บางวิชาที่กำหนดให้มีการเข้าร่วมกิจกรรมกลุ่มหรือเสนอ ผลงานในนามกลุ่ม นักศึกษาจะได้คะแนนในนามของกลุ่ม
การแสดงผลการเรียน
โดยทั่วไปผลการเรียนแบ่งเป็น 5 ระดับ ดีมาก (High Distinction) ดี (Distinction) พอใช้ (Credit) ผ่าน (Pass) และ ตก (Fail)
การเรียนภาษาอังกฤษ
หลักสูตรภาษาอังกฤษในประเทศออสเตรเลีย สำหรับนักศึกษาต่างชาติ เรียกว่า ELICOS ย่อมาจาก English Language Intensive Course for Overseas Students ปัจจุบันมีสถาบันเปิดสอนหลักสูตรนี้ทั้งในเมือง และนอกเมืองมากกว่า 160 แห่ง สถาบันเหล่านี้มีห้องเรียนและอุปกรณืการเรียนการสอนที่ทันสมัยดำเนินการสอนโดยอาจารย์ที่มีความชำนาญและทรงคุณวุฒิทางด้านการสอนภาษาอังกฤษโดยเฉพาะ สถาบัน ELICOS เปิดสอนหลายหลักสูตรให้นักศึกษาได้มีโอกาสเลือกดังนี้
ภาษาอังกฤษทั่วไป (General English) เป็นหลักสูตรที่เน้นการพัฒนาทักษะทางด้านการพูดและการเขียน
ภาษาอังกฤษเพื่อการศึกษาต่อ (English for Academic Purpose)
ภาษาอังกฤษเพื่อใช้ในสายวิชาชีพ (English for Vocational Purpose) เน้นการสอนภาษาอังกฤษเพื่อนำไปใช้ในการเรียนในสายวิชาชีพสาขาต่าง ๆ เช่น ภาษาอังกฤษเพื่อธุรกิจ การบิน การท่องเที่ยวและการโรงแรม
ภาษาอังกฤษเพื่อเตรียมตัวเข้าศึกษาต่อในโรงเรียนมัธยม (Secondary School Preparation)
ภาษาอังกฤษเพื่อการเตรียมการทดสอบ (Examination Preparation) เป็นหลักสูตรเตรียมความพร้อมเพื่อสอบ IELTS (International English Language Testing System) การสอบ TOEFL (Teaching of English as a Foreign Language) และสอบข้อทดสอบ Cambridge Certificate
มหาวิทยาลัยของออสเตรเลียทุกแห่งมีศูนย์สอนภาษาเป็นของตนเองหรืออาจจะประสานงานกับสถาบันสอนภาษา การดำเนินของศูนย์สอนภาษาอังกฤษเหล่านี้จะอยู่ภายใต้การควบคุมดูแลและการรับรองคุณภาพจากNEAS (National ELT Accreditation Scheme) หรือ English Australia
เกณฑ์คะแนนภาษาอังกฤษในการสมัครเข้าเรียน
ระดับการศึกษา |
IELTS |
TOEFL |
มัธยมศึกษา / เตรียมเข้ามหาวิทยาลัย |
5.0 - 5.5 |
500 - 550 |
วิทยาลัยเอกชน |
4.5 - 5.5 |
450 - 550 |
วิทยาลัย/TAFE |
5.5 - 6.0 |
500 - 550 |
มหาวิทยาลัย |
6.0 - 7.0 |
550 - 600 |
ที่มา: คู่มือศึกษาต่อต่างประเทศ TIECA GUIDE TO INTERNATIONAL EDUCATION 2006
|